ชีวิตหลังแต่งงาน

  • การที่คนๆหนึ่งจะทิ้งครอบครัวที่เมืองไทย การงาน เพื่อนฝูง และทุกอย่างที่มี มาอยู่กับคนที่แต่งงานด้วย เชื่อว่าหลายคนคงต้องนอนไม่หลับ คิดทบทวน จะเอาอย่างไรดีหนอ
  • หรือว่าจะยกเลิกการแต่งงานดูจะง่ายกว่าไหม
  • หาคู่คนไทยที่อยู่ในประเทศเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน ไม่ง่ายกว่าเหรอ
  • แต่เราก็มั่นใจนะว่าเราเลือกไม่ผิด
  • อย่ากลัวไปเลย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก อย่าคิดมาก
  • แต่ถ้าเค้าไม่ดีอย่างท่ี่เราคิดไว้หล่ะเราจะทำอย่างไร ตัวคนเดียวในต่างประเทศแบบนั้น
  • อื่น ๆ อีกสารพัดจะสรรหามาคิด จนหนังหน้าคนจะแต่งงานเริ่มจะไม่ดี 
เอาเข้าจริง ๆ มันก็ต้องคิดทุกคนแน่นอน การวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้ จะช่วยให้เราผ่านมันได้ด้วยดี คิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ไปก่อน เจอปัญหาอะไรค่อยแก้ ค่อยว่ากันไปตามสเตป

เวลาผ่านไปแต่ละปี เราก็พบว่าเราแข็งแกร่ง ถึก ทน และทำได้แทบทุกอย่างที่เคยคิดว่าไม่น่าจะทำได้ เพราะด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่างบังคับก็อาจจะเป็นได้ การมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่แทบทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เมื่อเราตัดสินใจมาแล้วมันเหมือนกับต้องยอมรับกับผลที่เกิดตามมานั้น

ภาษา

ปัญหาใหญ่ ๆ ที่น่าจะเป็นอันดับแรกของการเริ่มใหม่ คือภาษา คนที่นี่พูดภาษาฟินนิช และภาษาสวีดิช แน่นอน มันเป็นอย่างไรหนอภาษาที่ว่า ไม่เคยได้ยิน ไม่คุ้นหู ไม่อะไรใดๆมาก่อนเลย ใจมันก็คัดค้านนะว่าไม่อยากจะรับรู้ ไม่อยากจะเริ่มเรียน ไม่อยากจะต่าง ๆ นานา เชื่อว่าความรู้สึกแบบนี้จะเป็นกันทุกคน แต่เมื่อเราบอกสะกดจิตตัวเองได้ว่า

เรามาอยู่บ้านเค้าประเทศเค้า เราต้องพูดภาษาเค้าให้ได้ ไม่งั้นเราก็ทำอะไรเองไม่ได้
พอปรับวิธีคิดแบบนี้ได้ อะไร ๆ มันก็จะทุเลา บรรเทาไปได้มาก จากที่ยากสุดๆ ก็จะเหลือแค่ยาก เพราะใจมันเปิดที่จะรับ เรียนรู้ 
เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ระบบ ได้รับการ์ดประจำตัว หรือบัตรประจำตัวของแต่ละคน หรือบัตรประจำตัวประชาชนแบบไทยนั่นแหละ เราจะได้รับการเข้าเรียนภาษา โดยเป็นโรงเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ ที่เรียนภาษาอย่างเดียว ก็จะมีการสัมภาษณ์วัดระดับภูมิพื้นฐานภาษาอังกฤษ พื้นฐานต่าง ๆ เพื่อจัดห้องให้เหมาะกับความเหมาะสมแต่ละคน จะทำให้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ช้า ไม่เร็ว เรียนตามๆ กันไป ไม่กดดันกับคนที่ช้า หรือเร็วกว่า

หากว่าอายุน้อย ๆ เป็นผู้เยาว์จะถูกส่งไปยังโรงเรียนประถมเลย เรียนรวมกับเด็กฟินน์ ซึ่งนั่นจะทำให้เค้าเรียนรู้ได้เร็วมากในความเห็นส่วนตัวของเรา แต่ต้องยอมรับการเรียนรู้ของเด็กอายุน้อย ๆ ง่ายกว่าคนที่แก่แล้วแบบเรามาก 




วัฒนธรรม
ความต่างเรื่องวัฒนธรรมน่าจะเป็นตัวแปรอีกอย่างที่ทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้นในต่างประเทศ มุมมอง การสอนสั่ง สะสม วัฒนธรรมที่ปฏิบัติกันมา มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แน่นอนสิ นี่มันยุโรป เราอยู่ฝั่งเอเชีย มันต้องต่างกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะทำได้นอกจากการเรียนรู้ ปรับตัวไปพร้อมกัน ยอมรับในความต่างเพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ฟังดูเหมือนง่ายเนอะ แต่เอาเข้าจริงมันยากมาก

อาหาร
คุณพระ จากที่ข้างทางเมืองไทยเต็มไปด้วยร้านค้า รถเข็น ตลาดนัด ห้าง โลตัส เซเว่น หากินได้แทบทั้งวันทั้งคืน มาที่นี่ ห๋าอะไรนะ ห้าโมงเย็น ห้างร้านเริ่มปิดกันแล้ว เค้ารีบไปไหนกันค่ะคุณ ยิ่งหน้าหนาวแทบไม่มีคนออกมาเดินให้เห็นเลยเพราะไม่อยากจะมาฝ่าลมหนาว อากาศหนาว หรือหิมะ ให้ขาแข็ง ทุกคนจะออกมาแค่ทำสิ่งที่จำเป็น ทำงาน หรือว่าหาหมอ ซื้อยา อาหารเท่านั้น ไม่งั้นก็อยู่บ้านอุ่น ๆ ดูทีวี อะไรก็ว่ากันไป
ทีนี้เมื่อไม่มีร้านค้า  ร้านรถเข็น ป้าหน้าซอย เราจะเอาอย่างไรกับชีวิตละ เริ่มเลย

หาร้านเอเชีย ร้านจีนในเขตใกล้บ้าน

เพื่อไปตามหาเครื่องปรุง อาหารไทย เอเชีย มาตุนไว้ เพื่อจะได้ทำกินเอง เพราะจะให้ทำอาหารฝรั่งก็ยังทำไม่เป็นไงค่ะ อาหารไทยยังได้งูๆปลาๆจะเอาอะไรกับอาหารฝรั่ง 



ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม