Sensai

เราคงจะคุ้นเคยกับแบรนด์ Kanebo ใช่ไหม แต่ที่ยุโรปน่าจะเป็น Sensai ราคาของแบรนด์นี้ถือว่าสูง บางอย่างเห็นราคาคนฐานะแบบเรามีแอบสะดุ้งเบา ๆ ไม่ให้ใครเห็น แล้วก็คิดว่ามันดีไหมหนอ มันทำไมแพง ภาษี หรือว่าเพราะอะไร ด้วยราคาและไม่เคยใช้มาก่อนที่ไทย ทำให้หลายครั้งเราได้แต่ส่อง ดู เดินวน จับ ลูบ คลำ แล้วเดินจากไป วนอยู่แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน คือถ้าราคาเบา ๆน่ารัก เราจะลองได้ไม่ง่าย แต่ถ้าแพงแล้วแบบไม่ได้เรื่อง ไม่ถูกกับหนังหน้า ไม่ใช่ผิวแบบเรา แป้งผิดเบอร์ คือชอกช้ำมากพูดเลย รู้สึกโง่ ฉลาดไม่มากทันที โทษตัวเอง ด่าทอไม่จบสิ้น ทำไมซื้อมาไม่คิด เห็นไหม ทำไมๆๆๆๆๆ

จนวันนี้มันลดราคา 40% 50% เวลาซื้อมาลองใช้สำหรับคนงกแบบเรามาถึงแล้วค่ะ 

จัดแป้งมาก่อนเลยสีดาร์ค อืม จะดาร์คไปไหมกับหน้าแต่เอาน่าหลอกตัวเองว่านี่หน้าหนาวนะ ถ้ามันคล้ำหมองเทาหรือว่าคล้ำไปเรายังมีโอกาสใช้ในหน้าร้อนนะ ไม่เสียเงินเปล่าหรอก เชื่อสิ ๆๆๆ หยิบลงตระกร้า คูณด้วยบาท หืม ก็ราคายังแรงนะ แต่คงไม่ลดราคาต่ำไปกว่านี้เลยมั้ง ถ้าซื้อราคานี้ไม่ได้ โอกาสใช้คงไม่มีแล้วในภพนี้ 

ไปค่ะ ไปดูหน้าตาแป้งที่ว่ากันค่ะ 

ชื่อเต็ม ๆ ไพเราะเพราะพริ้งว่า ......Triple Touch Compact

ชั้นบนคือคอนซีลเลอร์ที่มีสี และไม่มีสี เนื้อครีมๆ ลื่น ๆ ไว้ปกปิดร่องรอยอารยธรรมบนใบหน้าก่อนลงรองพื้นหรือว่าลงแป้ง 

มีฟองน้ำมาให้ด้วย หน้าตาไม่พิเศษอะไร ถามเราชอบแพจเพจจิ้งไหม ตอบเลยว่าไม่ค่ะ ตลับมันเหมือนหอยกาบ ฮ่า ๆๆ แต่ก็หอยกาบที่แพงหน่อยนะค่ะ แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์แพง ๆ อื่น เช่น ชาแนล หรือว่า ลังโคม เรายังชอบมากกว่า แต่อย่างที่บอกค่ะ อยากลอง 

หลังจากใช้จน Hit pan ต้องบอกว่าไม่ผิดที่ลองค่ะ
ปกปิด ดี วันไหนไม่อยากลงรองพื้นก็ทาเดี่ยวได้เลย
คุมมัน อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะว่าอากาศมันหนาว หน้าไม่มันเลย 
ทาแล้วไม่ตกร่อง ไม่เป็นปื้น ดูแบบสวยแพง เรียบ อาจจะไม่กริบมาก แต่ก็ไม่โบ๊ะค่ะ ไม่บ่อยนะคะที่ผู้หญิงแบบเราจะใช้แป้งให้หมดตลับ 
หักเรื่องเดียวค่ะ ราคา แอบแรงไปแต่ก็ซื้อซ้ำแน่นอนค่ะ